ออก ตามล่าหาแสงเหนือ ทั้ง 7 ประเทศ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หาได้ยาก
การที่จะออก ตามล่าหาแสงเหนือ หรือ ออโรรา (Aurora Polaris or Aurora Borealis) หรือแสงเรืองรองสีแปลก ๆ บนท้องฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่เกิดในบริเวณแถบขั้วโลก และเรียกว่า “แสงเหนือ” และ “แสงใต้” ต่างกันไปตามพื้นที่ แสงออโรรา จะเกิดเหนือพื้นดินตั้งแต่ 100 – 300 เมตร แสงเหล่านี้ จะให้ความรู้สึกว่าอยู่ใกล้เรามาก แต่ความจริงแล้วมีระยะทางที่ห่างไกล มีหลายสี มีทั้งสีเขียว, สีฟ้า, สีชมพู, สีแดง, สีเหลือง และสีม่วง แต่ที่เห็นได้บ่อยที่สุดก็ คือ สีเขียว และสีเหลือง โดยสีเหล่านี้เกิดจากการชนกันระหว่างก๊าซในชั้นบรรยากาศโลกกับอนุภาคไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ จึงก่อให้เกิดเป็นสีต่าง ๆ แต่ละสีนั้นขึ้นอยู่กับว่าเกิดในชั้นบรรยากาศไหน และเกิดจากก๊าซอะไร ส่วนใหญ่จะเกิดในแถบขั้วโลกเหนือมากกว่าขั้วโลกใต้ในช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 – 24.00 น. มักเกิดในช่วงเดือน กุมภาพันธ์, มีนาคม,เมษายน,กันยายน, ตุลาคม,
1. ประเทศแคนาดา (Canada)
ในทางทิศเหนือของเมืองออนแทรีโอ (Ontario) บริเวณรอบทะเลสาบพริสไทน์ (Pristine Lake) และเมืองทุนดรา (Tundra) พื้นที่เหล่านี้จะสามารถมองเห็นแสงเหนือได้ไกลถึงชายฝั่งใต้ของสหรัฐอเมริกา แต่หากชมในฝั่งแคนาดาจะสวยงามกว่าไปชมในฝั่งอเมริกา
จุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด : Calgary, Ontario, Yukon Territory และ Manitoba
2. ประเทศกรีนแลนด์ (Greenland)
กรีนแลนด์เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ทำให้มีหิมะปกคลุมแทบจะตลอด ผสมกับบ้านเรือนที่เป็นสีสันต่าง ๆ ทำให้ดูสวยงามเหมือนจินตนาการ หากวันไหนโชคดีเกิดปรากฏการณ์แสงเหนือขึ้นบนเมืองที่สวยงามเหล่านี้ เกิดเป็นภาพที่น่าอัศจรรย์ระหว่างธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นรวมกันได้อย่างสวยงาม จุดเด่นอีกอย่างของประเทศกรีนแลนด์ คือ สามารถชมแสงเหนือได้เกือบทั่วทั้งประเทศ
จุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด : Kulusuk, Ammassalik และ Nuuk
3. ประเทศนอร์เวย์ (Norway)
เราสามารถชมแสงเหนือได้โดยการนั่งเรือไปรอบ ๆ ชายฝั่งด้วยเรือ “Hurtigruten” ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่มาปลุกเรา เมื่อแสงเหนือปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ส่วนใครที่อยากชมแบบปกติ ก็สามารถไปชมได้หลายเมือง โดยเฉพาะที่เมือง Tromso ทางตอนเหนือของนอร์เวย์ และเมือง Andenes
จุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด : Svalbard, Alta, Finnmark, Andenes, Oslo และ Tromso
4. ประเทศสหรัฐอเมริกา (United States of America)
ในรัฐอลาสก้านั้นจะมีโอกาสได้พบกับแสงเหนือสูงมาก จุดที่จะเห็นแสงเหนือสวยที่สุดคงหนีไม่พ้น “The Zone” เพราะฉะนั้นหากเตรียมตัวพร้อมก็รีบออกไปล่าแสงเหนือกัน
จุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด : Anchorage, Fairbanks, Denali และ The Yukon
5. ประเทศไอซ์แลนด์ (Iceland)
เป็นอีกหนึ่งจุดที่เหมาะสำหรับการชมแสงเหนือ เพราะประเทศนี้สามารถมองเห็นแสงเหนือได้แทบทุกจุด แต่จุดที่สวยที่สุดอยู่ในอุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์ (Thingvellir National Park) ซึ่งเกิดจากแผ่นดินของสหรัฐอเมริกา และยูเรเนียนมาบรรจบกันจนเกิดเป็นหุบเขาขึ้นมา หุบเขาที่ตั้งตระหง่านเหล่านี้ เมื่อมีหิมะปกคลุม และแสงสีอยู่บนท้องฟ้า จะทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามราวกับภาพวาด
จุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด : Thingvellir National Park, Kirkjufell และทุกพื้นที่ในประเทศไอซ์แลนด์ในวันที่อากาศดี ท้องฟ้าโปร่ง
6. ประเทศรัสเซีย (Russia)
ในประเทศรัสเซียเมือง Murmansk ใกล้กับ The Kola Peninsula ทางตอนเหนือของประเทศ ก็เป็นอีกจุดที่มีโอกาสจะได้พบแสงเหนือสูง แต่ควรวางแผน และเตรียมตัวให้ดีก่อน เพราะอากาศเข้าขั้นหนาวจัด นอกจากนี้คนที่ถือพาสปอร์ตไทยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า และสามารถอยู่ได้ถึง 30 วัน เป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการไปชมแสงเหนือ และแสงเหนือที่นี่ก็สวยงามไม่แพ้ที่อื่นเช่นกัน
จุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด : Murmansk, Siberia และ Kola Peninsula
7. ประเทศสวีเดน (Sweden)
ด้วยสภาพอากาศแบบเฉพาะถิ่นของประเทศสวีเดน ทำให้เป็น จุดชมแสงเหนือ ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยเฉพาะบริเวณ “Tornetrask Lake” ทะเลสาบที่มีความยาวกว่า 70 กม. ซึ่งอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติอาบิสโก้ (Abisko) หากวันไหนฟ้าโปร่งจะสามารถมองเห็นแสงเหนือ ที่เต้นระบำบนท้องฟ้าได้อย่างสวยงามชัดเจน
จุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด : Kiruna, Abisko และ Swedish Lapland