1. ทำความรู้จักสิงคโปร์
ก่อนจะไปเที่ยวสิงคโปร์ต้องมาทำความรู้จักกับประเทศนี้กันก่อนสักหน่อย สำหรับสิงคโปร์นั้นถือว่าเป็นประเทศที่เป็นเกาะขนาดเล็กที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ที่ด้านปลายสุดของคาบมลายู ถ้าดูจากแผนที่ก็คืออยู่บริเวณด้านล่างของประเทศมาเลเซียฝั่งตะวันตก มีพื้นที่ทั้งหมดราว ๆ 718 ตารางกิโลเมตร หลายคนอาจจะเข้าใจว่าสิงคโปร์มีเพียงเกาะใหญ่เกาะเดียว แต่จริง ๆ แล้วยังประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยอีกรวมกว่า 60 เกาะ
แม้ว่าสิงคโปร์จะมีพื้นที่เพียงนิดเดียว แต่ก็มีการแบ่งออกเป็นภาคต่าง ๆ โดย The Urban Redevelopment Authority of Singapore ซึ่งมีทั้งหมด 5 ภาคด้วยกัน ได้แก่ Central Region, East Region, North Region, North-East Region และ West Region ทั้งนี้ก็ยังแบ่งยิบย่อยลงไปอีกเป็นเขต (District) มีทั้งหมด 28 เขต
มาถึงคำถามยอดฮิตที่ว่า แล้วสิงคโปร์มีเมืองหลวงไหม ? มีค่ะ อยู่ที่สิงคโปร์ งงไหม…งั้นต้องไปดูแผนที่กัน ถ้าดูจากแผนที่จะเห็นว่าประเทศสิงคโปร์จะมีเกาะใหญ่ ๆ อยู่ตรงกลาง แล้วก็มีเกาะเล็กเกาะน้อยอยู่รอบ ๆ เช่น เกาะจูรง และเกาะเซ็นโตซา ซึ่งเจ้าเกาะใหญ่ที่สุดนั่นเรียกว่า เกาะอูจง (Palau Ujong) หรือเกาะสิงคโปร์ นั่นเอง โดยจุดที่สำคัญจะอยู่บริเวณดาวน์ทาวน์คอร์ (Downtown Core)
2. คนสิงคโปร์และภาษา
สิงคโปร์มีประชากรทั้งหมดราว ๆ 5.5 ล้านคน โดยมีชาวต่างชาติมากกว่า 2 ล้านคน โดยมีเชื้อชาติจีนอยู่ประมาณ 75% ส่วนอีก 25% คือ ชาวมลายู, ชาวอินเดีย และยูเรเชีย ทั้งนี้ภาษาราชการที่ใช้หลัก ๆ จะเป็นภาษาอังกฤษ รองลงมาคือ ภาษาจีนกลาง ภาษามลายู และภาษาทมิฬ และด้วยความที่คนสิงคโปร์ร้อยละ 80% สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ทำให้ง่ายต่อการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
ทั้งนี้คนสิงคโปร์จะมีหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นไปในลักษณะของวัฒนธรรมตะวันตก คนสิงคโปร์จะมีระเบียบมาก เข้าแถวรอคิวทุกอย่างอย่างเป็นระเบียบ ค่อนข้างสุภาพ มีวินัย ตรงเวลา รักษาความสะอาด และซื่อสัตย์ ส่วนหนึ่งนั้นมาจากกฎหมายที่มีบทลงโทษชัดเจน ค่าปรับและบทลงโทษค่อนข้างหนัก เพราะฉะนั้นถ้าไปเที่ยวสิงคโปร์ก็ควรศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายสิงคโปร์ไว้ด้วย เช่น บทลงโทษการทิ้งขยะ, การนำเข้าสิ่งของห้ามเข้า และการฝ่าฝืนกฎจราจร เป็นต้น
3. เที่ยวสิงคโปร์ ขอวีซ่าหรือไม่
4. รู้จักค่าเงินก่อนไป เที่ยวสิงคโปร์
ถ้าจะไปเที่ยวสิงคโปร์เราจะนำเงินบาทไปใช้ที่นั่นไม่ได้ ต้องแลกเป็นเงินดอลลาร์สิงคโปร์เสียก่อน ซึ่ง ณ วันที่ 30 มกราคม 2563 อัตราการแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ เท่ากับ 22.92 บาท ทั้งนี้สถาบันการเงินที่รับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแต่ละแห่งจะกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนแตกต่างกันออกไป ให้ตรวจสอบจากแต่ละแห่งอีกครั้ง
5. อากาศและช่วงเวลาท่อง เที่ยวสิงคโปร์
ด้วยความที่ประเทศสิงคโปร์อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรเพียงแค่ราว ๆ 137 กิโลเมตร เพราะฉะนั้นสภาพภูมิอากาศของสิงคโปร์จะเป็นแบบป่าฝนเขตร้อน อุณภูมิเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 25-35 องศาเซลเซียส ช่วงมรสุมจะอยู่ราว ๆ เดือนพฤศจิกายน-มกราคม ส่วนเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม ก็อาจจะมีปัญหาฝุ่นควันจากไฟป่ามาจากอินโดนีเซียบ้าง
ช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การท่องเที่ยวจึงอยู่ประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิงคโปร์ก็สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี มีเทศกาลและสิ่งที่น่าสนใจอยู่ในทุกช่วงฤดูกาล ใครชอบช้อปปิ้งก็มีจัดรายการเซลเรื่อย ๆ ส่วนถ้าอยากถ่ายรูปกับไฟประดับก็จะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม
6. สนามบินสิงคโปร์
สำหรับมือใหม่หัดเที่ยวสิงคโปร์ ก็ต้องเริ่มกันตั้งแต่การจองตั๋วเครื่องบิน ซึ่งมีหลายสายการบินที่ให้บริการจากไทยไปสิงคโปร์ โดยสามารถบินไปได้ทั้งจากกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต ไปลงที่สนามบินนานาชาติชางงี (Singapore Changi Airport : SIN) โดยสนามดังกล่าวนั้นจะมีทั้งหมด 4 เทอร์มินอล ได้แก่ T1, T2, T3 และ T4 และยังมีศูนย์การค้าในสนามบินที่มีชื่อเสียงอย่าง Jewel Changi Airport ตั้งอยู่ด้วย
และ Jewel Changi Airport นี้เองที่เป็นเหมือนจุดเช็กอินสำคัญแห่งใหม่ของสิงคโปร์ เพราะมีการออกแบบที่ทันสมัย เฉียบคม แตกต่างจากสนามบินอื่น ๆ ในโลกโดยสิ้นเชิง โดยตัวอาคารจะเป็นโดมกระจกขนาดใหญ่ ด้านในมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่น้ำพุยักษ์ที่ไหลลงมาจากหลังคาสูงถึง 40 เมตร รายล้อมด้วยต้นไม้สีเขียว ๆ น้อยใหญ่มากมาย มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน บรรยากาศราวกับเป็นโลกในยุคอนาคต นอกจากนี้ในแต่ละชั้นยังออกแบบให้เป็นพื้นที่ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สวนแบบต่าง ๆ ทางเดินคาโนปี และสิ่งที่น่าสนใจอีกนับไม่ถ้วน
7. ปลั๊กไฟสิงคโปร์
ประเทศสิงคโปร์ใช้แรงดันไฟฟ้าเท่ากับประเทศไทย คือ 220-240 โวลต์ แต่ปลั๊กไฟจะมีรูปแบบแตกต่างกัน โดยสิงคโปร์จะเป็นแบบ Type G มีลักษณะเป็นขาแบน 3 ขา อยู่ในตำแหน่งสามเหลี่ยม ตัวขาบนสุดจะอยู่ในแนวตั้ง และสองขาล่างจะอยู่แนวนอน ควรเตรียม Universal Adapter ไปด้วย
8. เวลาประเทศสิงคโปร์
เวลาของประเทศสิงคโปร์จะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง เช่น ถ้าประเทศไทยเป็นเวลา 07.00 น. ที่ประเทศสิงคโปร์ก็จะเป็นเวลา 08.00 น. เพราะฉะนั้นถ้าไปถึงสิงคโปร์แล้วให้ปรับเวลาตามเวลาท้องถิ่น มิฉะนั้นอาจจะเกิดปัญหาในเรื่องของนัดหมายเวลา และอาจจะทำให้ตกเครื่องตอนขากลับ หรือต่อเครื่องไปยังประเทศอื่น ๆ ได้
9. การใช้โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตในสิงคโปร์
โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตถือได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเราไปแล้ว การเดินทางต่างประเทศอาจจะทำให้ไม่สะดวกต่อการใช้เท่าไร เพราะสัญญาณโทรศัพท์จะจำกัดการใช้งานเพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธี เพราะเทคโนโลยีก้าวไกล ทำให้เราใช้งานโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตได้ในต่างประเทศแล้ว สำหรับประเทศสิงคโปร์จะแนะนำ 3 วิธี ดังนี้
- การเปิดใช้งานโรมมิ่ง จะเป็นบริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือข้ามเครือข่าย เราสามารถที่จะแจ้งการใช้งานได้กับศูนย์บริการของเครือข่ายที่เราใช้งานอยู่ในประเทศไทย ข้อดีของวิธีนี้ก็คือจะไม่ต้องถอดเปลี่ยนซิมโทรศัพท์มือถือ โทร. เข้า-ออกได้ตามปกติ แต่ข้อเสียก็คือค่าใช้จ่ายจะแพงมาก
- การซื้อซิมท่องเที่ยว ปัจจุบันมีเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือในเมืองไทย ได้จำหน่ายซิมท่องเที่ยวโดยเฉพาะ สำหรับการใช้งานต่างประเทศ ซึ่งจะจับสัญญาณเครือข่ายของประเทศนั้น ๆ โดยอัตโนมัติ เมื่อเราเปิดใช้งานในประเทศนั้น ๆ ข้อดีคือสะดวก ไม่ต้องไปวิ่งหาซื้อซิมท้องถิ่น ราคาปานกลาง สัญญาณค่อนข้างดี ข้อเสียคือ 1. จะต้องเปลี่ยนซิม ทำให้ข้อมูลบางอย่างที่อยู่ในซิมโทรศัพท์อาจจะหายไป เช่น เบอร์โทรศัพท์ 2. บางซิมก็ใช้งานไม่ได้ หากลืมลงทะเบียนก่อนการเดินทาง 3. อาจโทรเข้า-ออกไม่ได้ เพราะฉะนั้นควรสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงวิธีการใช้งาน แพ็กเกจ และประเทศที่สามารถใช้งานได้ให้มั่นใจก่อนซื้อ
- การซื้อซิมท้องถิ่น สามารถหาซื้อที่ได้ที่สนามบิน ศูนย์ของเครือข่ายต่าง ๆ ในเมือง ร้านจำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือบางแห่ง รวมไปถึงร้านสะดวกซื้อในบางสาขา โดยซิมโทรศัพท์ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยแนะนำกันก็คือ hi!Tourist SIM Card จากค่าย Singtel และ M1 Prepaid Tourist SIM Card ต้องใช้พาสปอร์ตในการลงทะเบียน ข้อดีคือสัญญาณชัดแจ๋ว เล่นอินเทอร์เน็ตได้ลื่นปรื๊ด ๆ ราคาไม่แแพง ข้อเสียคือ 1. ต้องถอดเปลี่ยนซิม 2. อาจจะหาซื้อยาก หากไม่ซื้อมาจากสนามบิน
10. การเดินทางภายในประเทศสิงคโปร์
วิธีที่สะดวกที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวจะมีอยู่ด้วยกัน 3 วิธี คือ รถไฟฟ้า (MRT : Mass Rapid Transit และ LRT : Light Rail Transit ), รถโดยสารประจำทาง และรถแท็กซี่ แต่นักท่องเที่ยวจะนิยมใช้ 2 วิธีแรกมากกว่า เพราะราคาไม่แพง
รถไฟฟ้าของสิงคโปร์จะมีทั้งหมด 6 สาย ได้แก่ สายสีเขียว, สายสีน้ำเงิน, สายสีแดง, สายสีเทา (LRT), สายสีส้ม, สายสีน้ำตาล และสายสีม่วง ค่าโดยสารจะเริ่มตั้งแต่ 0.92 ดอลลาร์สิงคโปร์ขึ้นไป (สำหรับผู้มีบัตรโดยสาร) และ 1.70 ดอลลาร์สิงคโปร์ สำหรับการซื้อเป็นเที่ยว (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มกราคม 2563)
ภาพจาก landtransportguru.net
อย่างไรก็ตามเพื่อให้การเดินทางท่องเที่ยวในสิงคโปร์ง่ายขึ้น ขอแนะนำให้ซื้อบัตร EZ-Link เป็นบัตรโดยสารที่สามารถใช้ได้ทั้งกับรถไฟฟ้า รถโดยสารประจำทาง และรถแท็กซี่ เพียงแตะตอนขึ้นและตอนลงเท่านั้น สะดวก ง่ายดาย ไม่ยุ่งยาก อีกทั้งบัตรนี้ยังสามารถซื้อของในร้านสะดวกซื้อและร้านค้าที่ร่วมรายการได้อีกด้วย
การซื้อบัตร EZ-Link จะซื้อได้ที่สนามบิน และร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-ELEVEN โดย 1 ใบจะราคา 12 ดอลลาร์สิงคโปร์ แบ่งเป็นค่ามัดจำบัตร 5 ดอลลาร์สิงคโปร์ และค่าโดยสารที่ใช้ได้ 7 ดอลลาร์สิงคโปร์ สามารถเติมเงินเข้าบัตรได้ อย่างต่ำ 10 ดอลลาร์สิงคโปร์ แต่ไม่มากไปกว่า 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ezlink.com.sg
11. ที่พักสิงคโปร์
สิงคโปร์มีโรงแรมและที่พักมากกว่าพันแห่ง ซึ่งมีตั้งแต่โรงแรมไปจนถึงโฮสเทล และการให้เช่าห้องพักของคนท้องถิ่น ราคาและมาตรฐานจึงแตกต่างกันออกไป มีตั้งแต่ห้องพักราคาหลักร้อยบาท ไปจนถึงหลายหมื่นบาท โดยย่านที่นักท่องเที่ยวนิยมพักมากที่สุดจะอยู่ในย่านบูกิส (Bugis), ย่านไชน่าทาวน์ (Chinatown), ย่านเกลัง (Geylang), ย่านคลาร์กคีย์ (Clarke Quay), ย่านถนนออร์ชาร์ด (Orchard Road) และย่านลิตเติลอินเดีย (Little India)
แนะนำว่าให้เลือก ที่พัก ที่อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าและชุมชน เพื่อให้ง่ายและสะดวกต่อการเดินทาง ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และความปลอดภัย
12. ที่เที่ยวสิงคโปร์
สิงคโปร์มี สถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจมากมาย มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ธรรมชาติ และสถาปัตยกรรม ครบรสในประเทศเดียว
สถานที่ท่องเที่ยวสิงคโปร์ที่ไม่ควรพลาด เช่น เขื่อนมารีน่า บาร์ราจ, ย่านคลาร์กคีย์, Nanyang Technological University, ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ และเกาะเซ็นโตซา, Marina Bay Sands, การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์, เมอร์ไลออน, สวนพฤกษศาสตร์สิงคโปร์, สะพานเฮนเดอร์สัน เวฟ, สิงคโปร์ ฟลายเออร์, Helix Bridge, การแสดงแสง สี เสียง Wonder Full-Light & Water, วัดพระเขี้ยวแก้วและพิพิธภัณฑ์, ตรอก Haji Lane, ย่านออร์ชาร์ด, ย่าน Tiong bahru, สวนนกจูรง, ไชน่าทาวน์, Fort Canning Park, S.E.A. Aquarium, พิพิธภัณฑ์ศิลป์และศาสตร์ และ Bugis Village เป็นต้น
+ ไปเที่ยวสิงคโปร์ 2023 เช็คอินแลนด์มาร์ค ยอดฮิต วิวธรรมชาติก็ดี
13. อาหารสิงคโปร์
ไปเที่ยวสิงคโปร์ไม่ต้องกลัวอด เพราะมีอาหารให้เลือกอิ่มอร่อยหลากหลายเชื้อชาติและเมนู ทั้งของคาว ของหวาน เตรียมไปพุงกางได้เลย แต่อาหารที่ขึ้นชื่อจะเป็นพวกอาหารจีน อาหารมุสลิม และอาหารอินเดีย เมนูที่น่าสนใจ เช่น ข้าวมันไก่สิงคโปร์, บักกุ๊ดเต๋, ติ่มซำ, กายาโทสต์, ก๋วยเตี๋ยวผัดสไตล์มาเลเซีย, ละก์ซา, ขนมผักกาด (Chai tow kway), โรตีปราตา, โจ๊ก (Congee) และไก่สะเต๊ะ เป็นต้น
14. ของฝากสิงคโปร์
ไปเที่ยวถึงสิงคโปร์จะไม่มีของฝากและของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับมาได้อย่างไร เพราะที่นี่เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย เป็นแหล่งซื้อสินค้าแบรนด์เนมยอดนิยมเลยก็ว่าได้ และยังมีของฝากของที่ระลึกที่น่าสนใจอีกมากมาย
ของฝากสิงคโปร์ ที่ไม่ควรพลาด เช่น สินค้าแบรนด์เนมยี่ห้อต่าง ๆ, กระเป๋าสะพาย และสินค้าจาก Charles & Keith, ขนมหนังปลา Irvins Salted Egg, หมูแผ่น Bee Cheng Hiang Bak Kwa, บักกุ๊ดเต๋สำเร็จรูป Song Fa Bak Kut Teh, ค็อกเทล Singapore Sling, น้ำหอมแบรนด์เนม, แยมกะทิ ยี่ห้อ Kaya, พริกแกงละก์ซา, สินค้ารูปเมอร์ไลออนและสถานที่สำคัญของสิงคโปร์, ช็อกโกลแลตและขนมหวาน, โอวัลติน, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และขนมเปี๊ยะ เป็นต้น
15. สถานที่ติดต่อในสิงคโปร์หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ต้องการความช่วยเหลือ
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ สิงคโปร์
- ที่อยู่ : 370 Orchard Road, Singapore, 238870
- โทรศัพท์ : (65) 6737 2475, 6737 2476
- แฟกซ์ : (65) 6732 0778
- เฟซบุ๊ก : Royal Thai Embassy, Singapore – สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์